ช่วง COVID-19 จบระลอกแรก เนะได้มีโอกาสไปดูภาพยนต์เรื่อง Soul (2020) อัศจรรย์วิญญาณอลเวงและรู้สึกประทับใจกับความหมายที่ได้จากภาพยนต์ จนจดบันทึกไว้ในสมุดจนครบสองปี จึงปัดฝุ่นขึ้นมาเขียนบน Blog เพื่อทบทวนอารมณ์จากวันนั้นที่ได้ดู
หนังจบไปตั้งนาน ทำไมถึงหยิบมาเขียนวันนี้?
อาจเพราะวันนี้เป็นวันที่เนะออกหนังสือพอตเกตบุ๊คเล่มที่สามออกตลาด หลังจากห่างหายไปเกือบ 3 ปี ซึ่งเป็นวันที่เนะมีความยินดีมาก แต่ทบทวนดูแล้ว เนะรู้สึกมีพลังเต็มเปี่ยมตั้งแต่เริ่มเขียนประโยคแรกจนปิดต้นฉบับไปแล้วล่ะ (พลังนี้มากขนาดที่ บก.ของสำนักพิมพ์พราวต้องของดส่งต้นฉบับให้เนะดูเพราะมิฉนั้น เนะจะเพิ่มเนื้อหา ปรับให้คนอ่านจนปิดเล่มไม่ลง 😁)
ถ้าเรานับการมีผลงานออกสู่สายตาคนอื่น การได้รางวัล การได้รับคัดเลือกจากสังคม คือความสำเร็จ พระเอกของเรื่อง Soul ที่เป็นครูสอนแจ๊สชื่อ โจ ก็รอคอยความสำเร็จของเขาเช่นกัน คือ การได้รับเลือกเป็นนักดนตรีประจำวงแจ๊สมืออาชีพ
จากหนัง Soul วิญญานอลเวง สู่การตลาด
โจ ตามหาฝันที่ได้ขึ้นเวทีเป็นนักดนตรีแจ๊ซ
ระหว่างที่เค้ายังไม่ถึงฝั่งฝันชีวิตช่วงนั้นช่างดูหมองหม่นไร้ชีวิตชีวา กระทั่ง เขาได้รับสัญญาเป็นครูประจำในโรงเรียน เขายังไม่รู้สึกพอใจกับข้อเสนอที่ได้ วันหนึ่งโจถูกเรียกไปคัดตัวเป็นนักเปียโนของวงดนตรีแจ๊ส สัญญานชีวิตที่โชติช่วงมาถึงแล้ว แต่โชคชะตาเล่นตลกกับเขา ทำให้เขาพลัดตกลงท่อไปถึงแก่ความตาย
เพื่อจะได้กลับมาขึ้นเวทีให้จงได้ โจต้องไปหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณน้อยๆ อีกดวงที่ขาดแรงบันดาลใจไม่ยอมเดินทางมาเกิดบนโลกให้สำเร็จ จนเมื่ออุบัติเหตุทำให้วิญญานนั้นได้เข้ามาอยู่ในร่างของโจ ชายนักดนตรี และกลับประสบความสุขอย่างน่าประหลาดใจในเรื่องง่ายๆ ในชีวิตผ่านร่างของโจ
แค่กลิ่นพิซซ่าหอมๆ รอยด้ายของแม่ที่เย็บเสื้อผ้าให้ กลีบดอกไม้ที่ร่วงหล่น ทำให้วิญญานน้อยเข้าใจความหมายชีวิตและเกิดแรงบันดาลใจจะไปเกิดใหม่ขึ้นมาได้ ขณะเดียวกัน สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้สะท้อนให้โจ เจ้าของร่างนักดนตรี
ตระหนักถึงความสุขละเอียดอ่อนที่เขาเคยมองข้ามไปตลอด เพราะมุ่งหน้าหาแต่ตำแหน่งในวงดนตรีเท่านั้น มัวแต่คิดว่าชีวิตเขาเริ่มต้นเมื่อได้รับเลือกเป็นนักดนตรีเท่านั้น Live with Moment vs Live with Purpose จึงแสดงให้เห็นชัดเจนขึ้น
อาจเพราะวันนี้เป็นวันที่เนะออกหนังสือพอตเกตบุ๊คเล่มที่สามออกตลาด หลังจากห่างหายไปเกือบ 3 ปี ซึ่งเป็นวันที่เนะมีความยินดีมาก แต่ทบทวนดูแล้ว เนะรู้สึกมีพลังเต็มเปี่ยมตั้งแต่เริ่มเขียนประโยคแรกจนปิดต้นฉบับไปแล้วล่ะ (พลังนี้มากขนาดที่ บก.ของสำนักพิมพ์พราวต้องของดส่งต้นฉบับให้เนะดูเพราะมิฉนั้น เนะจะเพิ่มเนื้อหา ปรับให้คนอ่านจนปิดเล่มไม่ลง 😁)
เนะไม่ได้เขียนเพื่อรีวิวหนังเรื่องนี้ แต่สะท้อนมุมมองจากภาพยนต์ไปสู่การตลาดและการใช้ชีวิตเสียมากกว่า
เราอยู่ในโลกที่แคร์ Result หรือ ประสิทธิภาพ Productivity กันเหลือเกิน เอาเถอะ การมุ่งหน้าทำการตลาดหรือใช้ชีวิตตามเป้าหมายแบบ Marketing with Purpose อาจจะสำคัญ แต่การตลาดหรือใช้ชีวิตทุกขณะแบบ Marketing with Moment เป็นของจริงยิ่งกว่าที่จะอยู่กับเราตลอดเวลา
ปัจจุบันเราต้องตั้งวัตถุประสงค์ วิ่งหา KPI และทุ่มเททำยังไงให้ได้ตามเป้าหมาย อย่างการทำ content ก็ต้อง converse ลูกค้าให้ซื้อ ให้สนใจ ให้ engage กับเรา นักการตลาดมัวแต่ดู Like Share ยอดขาย ลืมไปดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างทางที่ลูกค้าอยู่กับเราใน Customer Journey เราได้ให้ Pleasant moment of truth แก่ลูกค้า ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่า ประสบการณ์ที่ประทับใจทำให้ลูกค้าเกิดความสุข ผลลัพท์จะได้ตามมาเอง และถ้าเราตั้งใจให้ลูกค้าเต็มที่เต็มกำลัง ความสำเร็จเกิดตั้งแต่การได้ให้ ไม่ต้องรอผลลัพท์ยอดขายที่ได้ ค่อยยิ้มออก กลายเป็น Marketer Journey ที่ควรให้ความสุขความประทับใจแก่ฝั่งนักการตลาดด้วยเช่นกัน
คุณค่าการทำการตลาดไม่ควรสงวนไว้แค่ความสำเร็จ การมีประสบการณ์ร่วมกับลูกค้าควรถือเป็นคุณค่าทางธุรกิจที่อยู่ในมูลเหตุการทำงานของพนักงานทุกคน กระตุ้นให้พนักงานทุกคนมีความสุขในทุกขณะที่ทำงาน การตลาดจึงมีความงดงามในการนำเสนอเหมือนต้นไม้ที่แข็งแรงผลิดอกใบเปล่งปลั่งสง่างามย่อมให้ผลลัพท์เป็นผลไม้ที่อุดมสมบูรณ์ตามมาได้เอง
อย่ารั้งรอนับความสำเร็จเมื่อจุดเริ่มต้นของผลลัพท์ความสำเร็จ นับความสุขความสำเร็จตั้งแต่เริ่มพยายามเข้าสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าจะช้า จะยากเย็นเพียงใด เราจะได้รับผลตอบแทนจากความพยายามนั้นเร็วขึ้น
เพราะเราประสบความสำเร็จได้จากการให้ความหมายที่ง่ายขึ้นของเราแล้ว
เพื่อนนักการตลาดเนะบางคนสนุก กล้าหาญไปกับการทำงาน และการนำเสนอสิ่งดีๆ แก่ลูกค้า พวกเขามีความสุขทุกลมหายใจ สูดกลิ่นอายชีวิตเข้าไปเต็มปอด แค่ได้ออกไอเดีย ได้จัดงานลูกค้ายิ้มได้ ได้แบ่งปันไอเดียกับเพื่อนร่วมงาน พวกเขาก็ถือว่าได้เรียนรู้และสร้างประโยชน์แล้ว
แต่เพื่อนบางคน มีแต่ความคิดหดหู่ไม่พอใจ ไปทุกจังหวะชีวิต วันๆ ก้มหน้าเคร่งเครียดทำงาน รอ แต่จังหวะดีทางธุรกิจจะเข้ามา ถ้าไม่ได้คำชม ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ถือว่ายังไม่ได้รับการตอบรับ และยังไม่สำเร็จ ตอนนี้เจอกัน หน้าตาเครียดกับการแข่งขัน สุขภาพทรุดโทรม เนะไม่รู้ว่าชีวิตของเขาโหดร้ายเกินไปหรือไม่
เรามัวนั่งรอความสุขจากวันดีๆ ของเรา โดยที่เราไม่รู้ว่าวันดีๆที่นับเวลารอ
จะได้เป็นวันดีสำหรับเราจริงหรือเปล่า เหมือนพระเอกที่ตายในวันที่เขาถือว่าเป็นวันสำเร็จของชีวิต
ชีวิตคือการเดินทาง ไม่ใช่มุ่งแต่จุดหมาย
มิฉนั้น เมื่อเราถึงจุดหมาย เราไม่อาจเรียกหากับใครได้เลย
ว่า "ฉันยังไม่ได้เดินทาง"
Life is a journey not destination
When you arrive the destination, you can not say
“ I still not take any journey”
อย่าฝากความหวังไว้กับอนาคตความสำเร็จที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงได้รึเปล่า หรือไม่รู้เลยว่ามาถึงแล้วจะรู้สึกอิ่มเอมยินดีได้อย่างที่หวังหรือไม่ รีบยินดีกับชีวิตกับปัจจุบันกันค่ะ ดังนั้นสำหรับการเขียนหนังสือของเนะความสำเร็จอยู่ในทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ว่าผลลัพท์เป็นเช่นไร แค่ได้เขียนความรู้ดีๆ ให้ผู้อ่าน ความสุขบังเกิดขึ้นแล้วและตลอดไป